ร้านชุดไทย พาหุรัตดอทคอม

เปิดประวัติ “สวนสุนันทา” ที่แท้จริงไม่ใช่วัง เป็น “สวนในวัง”

เปิดประวัติ “สวนสุนันทา” ที่แท้จริงไม่ใช่วัง เป็น “สวนในวัง”

เดินทางผ่านถนนราชสีมาในวันหนึ่ง บังเอิญได้เหลือบไปเห็นป้ายชื่อส่วนราชการแห่งหนึ่ง สลักไว้ว่า “กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย Department of Local Administration, Ministry of Interior (วังสวนสุนันทา)” โดยที่ตั้งของส่วนราชการแห่งนี้อยู่บริเวณติดกับสถาบันราชภัฏสวนดุสิต และสถาบันราชภัฏสวนสุนันทาในปัจจุบัน (ช่วงเวลาที่เผยแพร่บทความนี้ในนิตยสารศิลปวัฒนธรรม คือ ธันวาคม 2546 – แอดมิน)

เหตุที่ทำให้ผู้เขียนรู้สึกสะดุดกับป้ายชื่อส่วนราชการดังกล่าว ก็ตรงที่วงเล็บไว้ว่า “วังสวนสุนันทา” เพราะเท่าที่ทราบมาพื้นที่ดังกล่าวไม่น่าจะเป็น “วัง” แต่อย่างใด หากแต่เป็นเพียง “สวน” ในเขตพระราชวังเท่านั้น

ป้ายชื่อกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย (ภาพถ่ายเมื่อ พ.ศ. 2546)

จะเห็นได้จากประวัติการก่อสร้างที่ว่า เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้ทรงโปรดให้สร้าง “สวนดุสิต” ขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๔๒ ณ บริเวณทุ่งส้มป่อย ทางด้านทิศเหนือของกรุงเทพมหานคร เพื่อใช้เป็นพระราชอุทยานประทับแรมสำราญพระราชอิริยาบถ (ต่อมารัชกาลที่ ๕ ทรงโปรดให้ยกขึ้นเป็น “วังสวนดุสิต” และ “พระราชวังสวนดุสิต” ตามลำดับ พอถึงในสมัยรัชกาลที่ ๖ จึงได้ทรงโปรดให้เปลี่ยนชื่อเป็น “พระราชวังดุสิต” ในที่สุด)

พื้นที่ของวังสวนดุสิตขณะแรกเริ่มปลูกสร้าง จะกินอาณาบริเวณที่กว้างตั้งแต่คลองผดุงกรุงเกษม (ถนนพระราม ๕ ในปัจจุบัน) ไปจนจดคลองสามเสน (ถนนสามเสนในปัจจุบัน) ซึ่งภายในวังจะประกอบไปด้วยพระที่นั่งของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ อาทิ พระที่นั่งวิมานเมฆ พระที่นั่งอัมพรสถาน เป็นต้น นอกจากนั้นยังทรงให้ปลูกตำหนักพระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์ได้ใช้เป็นที่ประทับอีกหลายๆ พระองค์ด้วยกัน อาทิ พระตำหนักสวนกุหลาบของสมเด็จเจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ และตำหนักสวนบัวของพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ฯ เป็นต้น

ในส่วนของ “สวน” นั้น ได้ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะตกแต่งให้เป็นไปตามแบบอย่างของพระราชวังในประเทศตะวันตก จึงได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ช่างสวนชาวอังกฤษ ชื่อมิสเตอร์เยนกินส์ เข้ามารับราชการเป็นผู้ออกแบบ และควบคุมดูแลการดำเนินงาน โดยได้ทรงแบ่งที่ดินออกเป็นส่วนๆ และโปรดให้จัดทำเป็นสวนพระราชทานแก่เหล่าพระบรมวงศานุวงศ์ เพื่อใช้เป็นที่พักผ่อนและสำราญพระราชหฤทัยเป็นการส่วนพระองค์ อาทิ “สวนสี่ฤดู” ของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ “สวนฝรั่งกังไส” ของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี และ “สวนโป๊ยเซียน” ของเจ้าจอมมารดาโหมด เป็นต้น

“สวนสุนันทา” ก็เป็นอีกสวนหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ ทรงโปรดให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๑ ในเขตของ “วังสวนดุสิต” ซึ่งมีเนื้อที่ของสวนทั้งหมดจำนวน ๑๑๒ ไร่ โดยมีอาณาเขตติดต่อกับถนนใหญ่ทั้งหมด ๔ ด้าน คือทิศเหนือจดถนนราชวิถี ทิศใต้จดถนนอู่ทองนอก ทิศตะวันออกจดถนนราชสีมา และทิศตะวันตกจดถนนสามเสน โดยมีความเป็นมาของการก่อสร้างปรากฏตามที่ “จดหมายเหตุการอนุรักษ์กรุงรัตนโกสินทร์” ได้บันทึกไว้ ดังความที่ว่า

“เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จไปประทับอยู่ ณ พระราชวังดุสิตแล้ว ทรงมีพระราชดำริจะสร้างสถานที่รื่นรมย์ มีลักษณะเป็นสวนป่ากลายๆ คล้ายพระราชวังเบินสตอฟของประเทศเดนมาร์ก เพื่อทรงใช้เป็นที่สำราญพระราชหฤทัยและพระราชอิริยาบถขึ้นทางตะวันตกของพระราชวังดุสิต แทนการเสด็จประพาสหัวเมือง และจะได้ใช้เป็นที่ประทับสำหรับพระมเหสี พระราชธิดา และบาทบริจาริกา เมื่อพระองค์เสด็จสวรรคตแล้ว 

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เริ่มการสร้างสวนนั้นเมื่อพุทธศักราช ๒๔๕๑ และพระราชทานนามว่า “สวนสุนันทา” (นัยว่าเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระมเหสี) แต่การสร้างสวนสุนันทายังไม่ทันเสร็จสมบูรณ์ตามพระราชประสงค์ก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน

ครั้นในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) เป็นผู้อำนวยการสร้างสวนสุนันทาเพิ่มเติมตั้งแต่พุทธศักราช ๒๔๕๔ สำเร็จในพุทธศักราช ๒๔๖๒ และจัดถวายเป็นที่ประทับของพระมเหสี พระราชธิดา และบาทบริจาริกา ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกนาถให้สมดังที่ทรงตั้งพระราชปณิธานไว้

สวนสุนันทาในระหว่างพุทธศักราช ๒๔๖๒-๒๔๗๕ เป็นที่ประทับของพระราชวงศ์ฝ่ายในในรัชกาลที่ ๕ มีเนื้อที่ ๑๑๒ ไร่ มีพระตำหนักใหญ่น้อยซึ่งสร้างเป็นสถาปัตยกรรมแบบ Italian Renaissance รวม ๓๒ ตำหนัก เป็นสถานที่สวยงามน่ารื่นรมย์แห่งหนึ่ง ตอนกลางของบริเวณเป็นสระใหญ่ ประกอบด้วยคูคลองคดเคี้ยว มีเกาะแก่งและโขดหินเนินดินน้อยใหญ่ ร่มรื่นด้วยเงาพฤกษานานาชนิด พระตำหนักต่างๆ เรียงรายอยู่บนพื้นที่ราบบนโขดหิน เนินดิน และริมคูคลอง แต่ละตำหนักต่างก็ทำสวนปลูกไม้ดอกนานาชนิดอย่างงดงาม

ต่อมาภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองในพุทธศักราช ๒๔๗๕ เจ้านายฝ่ายในและเจ้าจอมต่างก็เสด็จและออกไปสร้างที่ประทับและที่อยู่ภายนอก สวนสุนันทาจึงถูกทิ้งร้าง คงเหลือแต่โขลนจ่าเฝ้าอยู่เพียงเล็กน้อย ครั้นในพุทธศักราช ๒๔๘๐ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ได้มอบสวนสุนันทาให้แก่นายปรีดี พนมยงค์ นายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของรัฐมนตรีและผู้แทนราษฎร แต่สภาผู้แทนราษฎรได้ชี้แจงว่าไม่พร้อมที่จะใช้สถานที่ คณะรัฐมนตรีจึงเห็นควรที่จะใช้สวนสุนันทาเป็นสถานศึกษาของชาติ คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์จึงมอบสวนสุนันทาให้กับกระทรวงธรรมการ เพื่อจัดเป็นสถานศึกษาของชาติสืบไป

ตำหนักสายสุทธานพดลในสวนสุนันทาเดิม ปัจจุบันถูกใช้เป็นศูนย์ศิลปวัฒนธรรมของสถาบันราชภัฏสวนสุนันทา

จากความข้างต้นจะเห็นได้ว่า “สวนสุนันทา” จึงเป็นเพียง “สวน” แห่งหนึ่งที่สร้างขึ้นในเขตพื้นที่ของ “พระราชวังดุสิต” โดยมีพระตำหนักของพระบรมวงศานุวงศ์ปลูกสร้างอยู่ภายในนั้นเพียงเท่านั้น หาใช่เป็น “วัง” แต่อย่างใดไม่ ประกอบกับเมื่อตรวจสอบทำเนียบรายชื่อของวังในสมัยรัตนโกสินทร์จากหนังสือต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อันได้แก่ “ตำนานวังเก่า” “นามานุกรมสถาปัตยกรรมไทยสมัยรัตนโกสินทร์” และ “จดหมายเหตุการอนุรักษ์กรุงรัตนโกสินทร์” ก็ไม่ปรากฏว่าได้มีการประกาศยก “สวนสุนันทา

(ซ้าย) เนินดินกลางสวนสุนันทาเดิม ปัจจุบันอยู่ในเขตของสถาบันราชภัฏสวนสุนันทาและได้รับการปรับปรุงตกแต่งใหม่, (ขวา) แนวกำแพงเดิมของสวนสุนันทาทางทิศใต้ ซึ่งจดถนนอู่ทองนอก

เพราะฉะนั้นผู้เขียนจึงเชื่อว่าการเรียกขานพื้นที่ซึ่งเป็นที่ตั้งของ “กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย” ในปัจจุบันว่า “วังสวนสุนันทา” นั้น คงเป็นการเรียกกันเองอย่างติดปากต่อเนื่องกันมา กระทั่งเลยเถิดถึงขั้น “ขึ้นป้าย” กันอย่างที่เห็น และผิดเพี้ยนจากประวัติศาสตร์ดังที่ได้กล่าวมา

ดังนั้นหากส่วนราชการดังกล่าวจะได้แก้ไขป้ายชื่อของหน่วยงานตนเสียใหม่ให้ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนให้เหลือเพียง “(สวนสุนันทา)” เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ หรือจะลบออกเสียเลยก็ตามแต่ แม้นว่าจะต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติมบ้าง แต่เมื่อคำนึงถึงผลดีในระยะยาวแล้ว ผู้เขียนคิดว่าจะช่วยได้มากในการลดจำนวนผู้คนที่สัญจรผ่านไปมา มิให้หลงเข้าใจผิดขยายวงไปมากกว่าที่เป็นอยู่

ป้ายชื่อกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย “ที่แก้ไขเว็บไซต์” (ภาพถ่ายเมื่อ พ.ศ. 2560 ภาพจาก https://www.google.com/maps/)

และถ้าจะให้ดีกว่านั้น หากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจะได้จัดทำแผ่นอนุสรณ์บันทึกประวัติโดยสังเขปของ “สวนสุนันทา” จัดตั้งในบริเวณที่ตั้งของหน่วยงาน ที่ผู้คนผ่านไปมาสามารถสังเกตเห็นได้ชัด เพื่อจะได้เป็นประโยชน์ในการช่วยบอกเล่าถึงความเป็นมาของสถานที่ดังกล่าวนี้ให้ผู้คนทั่วไปตลอดจนอนุชนรุ่นหลังได้ทราบถึง “ชื่อบ้าน นามเมือง” ของตนเองอย่างถูกต้อง

ผู้เขียนก็เห็นว่าจะเป็นการดีอย่างยิ่ง เพราะจะถือได้ว่าส่วนราชการนี้ได้มีส่วนในการแสดงความกตัญญูต่อ “สวนสุนันทา” ที่เป็น “มาตุภูมิ” ของตนเองได้อย่างน่าอนุโมทนายิ่งเลยทีเดียว

บทความอื่น ๆ

!!!! ชุดไทยที่หายไป !!!! บอกเล่าเรื่องราวของปัจจัยที่มีผลต่อชุดไทย

หากใครสักคนจะใส่ชุดโจงกระเบนห่มผ้าสไบเฉียงออกไปเดินช๊อปปิ้ง Paragon สยามสแควร์ หรือใส่ออกไปขึ้นรถเมลล์ไปทำงาน คงต้องใช้ความกล้าและความมั่นใจมหาศาลแน่ๆ และสิ่งที่คุณจะต้องประสบคือสายตาของคนรอบข้างที่จะมีทั้งชื่นชมและไม่ชื่นชมอาจถึงขั้นถูกมองเป็นตัวประหลาด นั้นเพราะชุดไทยในปัจจุบันนั้นแทบจะไม่ถูกใช้เป็นเครื่องแต่งกายในชีวิตประจำวันของคนไทย(โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ) เกิดจากเหตุผลหลักๆสองประการ 1.อิทธิพลของวัฒนธรรมต่างชาติที่เข้ามามีผลกับคนไทย2.การสะดุดทางวัฒนะธรรมครั้งใหญ่ของไทยในช่วงเปลี่ยนแปลงการปกครองสมัยจอมพล ป. จอมพล แปลก พิบูลสงคราม เป็นผู้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม ประเพณี และการใช้ชีวิตของคนไทยอย่างมากให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เพื่อให้เกิดความทันสมัยหากจะย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้น สภาพบ้านเมืองของไทยหากเปรียบเทียบกับชาติตะวันตกประเทศสยามยังดูล้าหลังอยู่มาก ดังนั้นในยุคที่จอมพล ป.เป็นนายกรัฐมนตรีจึงมีนโนบายสำคัญที่คือ การมุ่งพัฒนาประเทศให้มีความเจริญรุ่งเรืองทัดเทียมนานาอารยประเทศ มีการปลุกระดมให้คนไทยรู้สึกรักชาติ โดยออกเป็นประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วย “รัฐนิยม” หลายอย่างซึ่งบางอย่างได้ประกาศเป็นกฏหมายในภายหลัง หลายอย่างกลายเป็นวัฒนธรรมของชาติ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านวัฒนธรรม

อ่านต่อ ...
ชุดไทยพระราชนิยม

๘ ชุดไทย ที่ควรรู้จักไว้อย่างยิ่ง

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีพระราชนิยมเรื่องการใช้ผ้าไทยมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ เมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาฯ ประกาศหมั้น ครั้งนั้นได้มี นักหนังสือพิมพ์ชาวต่างประเทศ ขอสัมภาษณ์ซึ่งพระองค์ได้ให้สัมภาษณ์ว่าจะสนับสนุน และ ส่งเสริมการแต่งกายที่เป็นแบบไทย เมื่อพระองค์ยังเป็นพระคู่หมั้น ได้ใช้ผ้าไทย และ ซิ่นไทย ส่วนชุดในพระราชพิธี อภิเษกสมรสได้ใช้ชุดที่ตัดเย็บด้วยผ้าไทย เมื่อพระราชพิธีได้ผ่านไปแล้วพระองค์ได้ทรงปฏิบัติตามพระราชปณิธานดังกล่าวต่อมา และได้มีเครื่องแต่งกายแบบไทยตามพระราชนิยมขึ้น ซึ่งกลายเป็นเอกลักษณ์ทางการแต่งกายประจำชาติมาจนทุกวันนี้ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

อ่านต่อ ...